Thursday, January 15, 2009

สารเอ็นโดฟินส์กับความรัก

ความรักไม่ให้สิ่งอื่นใดนอกจากตนเอง
และก็ไม่รับเอาสิ่งใดนอกจากตนเอง
ความรักไม่ครอบครอง และก็ไม่ยอมถูกครอบครอง
เพราะความรักนั้นพอเพียงแล้วสำหรับตอบความรัก
ถึงแม้ว่าจะผ่านวันแห่งความรักมานานแล้ว แต่เราก็ยังคงสัมผัสกับความรักอยู่เสมอไม่ทางตรงก็ทางอ้อม ความรักเป็นสิ่งจรรโลงใจให้กับมนุษย์มานานแสนนาน อาจสังเกตได้จากบทเพลง บทกวี นวนิยาย ละคร หรืออุปรากรต่างๆ ก็มักวนเวียนอยู่กับเรื่องของความรักความรักของแต่ละคนก็มีนิยามแตกต่างกัน
บางคนมีความรักที่หมายถึงความรู้สึกอยากอยู่ใกล้ คิดถึงเมื่ออยู่ห่างไกล ต้องการทำสิ่งที่ดีให้เพื่อเอาใจ บางคนความรักหมายถึงการอยากใช้ชีวิตด้วย อยากมีครอบครัวด้วยกัน อยากแก่ไปด้วยกัน บางครั้งความรักก็นำความทุกข์มาให้แก่คนเรา…
แต่หลายๆ ครั้งที่ความรักนำความสุข ความอิ่มใจ ปลื้มปิติมาให้ทั้งแก่ผู้รักและผู้ถูกรัก

หลายท่านอาจเคยมีประสบการณ์ยามเมื่อแรกรักใหม่ๆ ถึงแม้จะเป็นการแอบชอบ แอบรักใครสักคนก็ตาม ก็มักรู้สึกว่าช่วงนั้นพิเศษกว่าปกติ สามารถนั่งอมยิ้มได้คนเดียวเมื่อนึกถึง มองอะไรๆ สดชื่นไปหมด อยากรู้ความเป็นไปของคนที่เรารักทุกอย่าง บ่อยครั้งก็มองเห็นแต่ข้อดีของคนที่เราชอบ เรารัก ต่อมาเมื่อคบกันนานเข้า ก็ต้องมีการปรับตัวเข้าหากัน เมื่อคนที่รักกันอยู่ด้วยกันนานๆ ก็มักจะมี “ความผูกพัน” กัน ซึ่งเป็นสิ่งที่เพิ่มขึ้นมานอกเหนือจากความรู้สึกรักใคร่ในช่วงแรก

ในสมองของคนเรามีกลไกการทำงานที่ซับซ้อนมากมายและมีการหลั่งสารเคมีหลายชนิดเมื่อเรากำลังมีความรัก หนึ่งในสารเคมีเหล่านั้นคือสาร “เอ็นโดฟินส์” ( ENDORPHINES) หรือ “สารแห่งความสุข” หรือ “สารสุข” สารเอ็นโดฟินส์เป็นสารเคมีจำพวกเดียวกับฝิ่น (opioid) ซึ่งผลิตขึ้นภายในร่างกาย โดยสมองส่วนไฮโปธารามัส (Hypothalamus) และต่อมใต้สมอง (Pituitary gland) อันเนื่องมาจากเป็นสารเคมีจำพวกเดียวกับฝิ่นจึงมีฤทธิ์บรรเทาอาการปวด (Analgesia) และทำให้รู้สึกสุขสบาย (Sense of well-being)หรืออีกนัยหนึ่ง สารเอ็นโดฟินส์ก็คือ “ยาแก้ปวดแบบธรรมชาติ” นั่นเอง

โลกและสีของความรัก

กว่าจะได้รู้จักโลกสีเทา ...เราต้องเข้าใจสีขาว กับสีดำให้มากพอเราจึงจะรู้จักวิธีผสมสองสีที่สุดโต่งให้กลมกลืนเป็นเนื้อเดียวกัน...
โลกของความรักเป็นโลกที่มีความแปลกแยกมากที่สุด ถ้ามองด้วยตาเปล่า เราจะเห็นแต่สีชมพูอยู่ในนั้น แต่จะไม่มีใครมองเห็นได้ทันทีว่าโลกของความรักมีอีกสองสีที่ซ่อนอยู่ นั่นคือขาวที่สุด! และดำที่สุด!...
ถ้าเราเรียนรู้ที่ด้านสีขาวก่อน...เราจะรักใครเพียงเพื่อเติมความสุขให้ชีวิตเท่านั้น จนกว่าจะเดินมาเจอสีดำในอีกด้านหนึ่ง
แต่ถ้าเราเรียนรู้ที่ด้านสีดำก่อน...เราจะรักด้วยหัวใจที่เติมไม่เต็มจนกว่าจะเดินมาเจอสีขาวในอีกด้านหนึ่ง"
ถ้าคนสองคนต่างก็เป็นสีขาวกับสีขาวมาเจอกัน เราจะคาดหวังในกันและกันสูงแค่ขยับตัวเพียงเล็กน้อยก็สะเทือนถึงหัวใจ"
และในขณะเดียวกัน..."ถ้าคนสองคนต่างเป็นสีดำกับสีดำมาเจอกัน เราจะรักกันบนความหวาดระแวงแค่หันไปมองข้างหลังเพียงเล็กน้อย ความเชื่อมั่นใจกันและกันจะหายไปและก็ทำให้กันและกันเจ็บอีก"
ถ้าเราต่างเดินผ่านทั้งสีขาวและสีดำมาแล้ว...เราจะรักกันด้วยหัวใจที่เป็นอิสระไม่ว่าจะหันซ้าย หันขวา หรือว่าออกเดินทางเพียงลำพังเราจะยังเป็นความอบอุ่นของกันและกันเสมอ...
เพราะเราต่างก็รู้ ไม่ว่าจะเลือกยืนอยู่ในสีไหน ?...ล้วนทำให้เราเจ็บได้ไม่ต่างกัน.."
เราจึงจะเรียนรู้ที่จะจูงมือกันไปยืน ณ. จุดกึ่งกลางผสมผสานสีดำกับสีขาวอย่างละครึ่งเพื่อเรียนรู้ความรักบนโลกแห่งความจริงที่ไม่ได้มีแค่สุขหรือทุกข์เพียงด้านเดียว
...Just because someone doesn't love you the way you want them to, doesn't mean they don't love you with all they have.
"การที่ใครซักคนไม่ได้รักคุณ แบบที่คุณต้องการให้เป็น ไม่ได้หมายความว่า เค้าไม่ได้รักคุณด้วยความรู้สึกทั้งหมดที่เค้ามี..."

เวลา นาฬิกา แตกต่าง แต่ เติมเต็ม

"..แตกต่าง..- -แต่..เติมเต็ม.." แปลกมั๊ย..ใคร ๆ ก็คิดว่าเวลากับนาฬิกาเป็นสิ่งที่คู่กันเสมอ จริง ๆ แล้ว

มันไม่ได้เป็นอย่างนั้นซักหน่อย

เวลา... เดินไปข้างหน้า นาฬิกา.. เดินอยู่ที่เก่า

เวลา.. เราไม่อาจย้อนกลับ นาฬิกา.. เราหมุนย้อนมันได้

เวลา.. เมื่อสูญเสียไปแล้วไม่อาจเรียกร้องคืน นาฬิกา.. เสียก็ซ่อม หรือซื้อใหม่ไปเลย

เวลา.. ได้มาฟรีๆ ไม่ต้องแลกกะอะไร นาฬิกา.. ยิ่งสวยยิ่งแพง ใช้เงินซื้อมันมาทั้งนั้น

แล้วอย่างนี้ มันจะคู่กันได้ยังไง ในเมื่อมันแตกต่างกันเหลือเกิน

แต่ถามหน่อย.. ถ้าไม่มีนาฬิกา จะรู้เวลามั๊ย หรือถ้ามีแต่นาฬิกา แต่ไม่รู้จักเวลา จะมีประโยชน์อะไร ถึง 2 สิ่งจะแตกต่างกัน แต่ถ้ามันจะคู่กันแล้ว ย่อมมีจุดร่วมกันเสมอ เพียงแต่จะมองเห็นมันรึป่าว?

ฉันกับเค้า.. อาจไม่มีอะไรเหมือนกัน

ฉันกับเค้า.. มีความคิด และวิถีชีวิตที่ต่างกัน

ฉันกับเค้า.. อาจเดินกันคนละเส้นทาง

ฉันกับเค้า.. อาจมีความฝันที่ห่างไกลกัน

ฉัน.. อาจเหมือนกับเวลา ที่ชอบเดินไปข้างหน้า หาสิ่งใหม่ๆที่ท้าทาย โดยทิ้งหลายสิ่งไว้ข้างหลัง

เค้า.. อาจเหมือนกับนาฬิกา ที่ยังเป็นแบบเดิมๆ ใช้ชีวิตและทำหน้าที่ไปเรื่อยๆ

ในมุมเก่าๆ ฉันอาจไม่พบกับเค้าเลย ถ้าฉันยังดึงดันจะมองแต่ข้างหน้า ฉันอาจไม่พบกับเค้าเลย ถ้าฉันไม่มองไปข้างหลัง เค้ายังไม่เห็นฉัน เพราะเขายังอยู่แบบเดิมๆ เค้ายังไม่เห็นฉัน เพราะเขายังก้มหน้าก้มตาทำหน้าที่ของเขาไป แต่ฉันยังเฝ้ามอง เฝ้ารอ … ความแตกต่าง อาจสร้างกำแพงบังเค้าไว้ แต่ฉันยังเชื่อมั่น ว่าซักวัน สิ่งนั้นน่ะแหละ ที่จะเชื่อมโยงใจเราเข้าหากัน

ความแตกต่าง จะเติมเต็มส่วนที่เราขาดหาย

และสุดท้าย ก็จะเหลือเพียงแค่คำว่า.. ** กันและกัน **

เหมือนกับเวลาและนาฬิกา ที่ยังคู่กันเสมอมา และตลอดไป

ความรัก & นาฬิกาทราย

ทหารหนุ่มแอบหลงรักเจ้าหญิงเลอโฉมเขาตระหนักถึงความสูงส่งของเธอ เฉกเช่นเดียวกับที่ตระหนักถึงความต่ำต้อยตนแต่เขายังรวบรวมความกล้า เดินเสี่ยงตายเข้าไปบอกเธอว่า "รัก"และจะอยู่บนโลกต่อไปโดยไม่มีเธอไม่ได้ เจ้าหญิงผู้เป็นดวงใจตอบเขาว่า "ถ้าสามารถรอคอยอยู่ใต้ระเบียงห้องเธอได้ติดต่อกัน100 วัน 100 คืน เธอจะเป็นของเขาตลอดไป" ณ ใต้ระเบียง ทหารหนุ่มเฝ้ารอคอยอยู่ตรงนั้นวันแล้ววันเล่า คืนแล้วคืนเล่าโดยไม่ยอมขยับเขยื้อนกายไปไหนเขารอคอยในสายลมบาดผิว รอคอยในสายฝนกระหน่ำรอคอยในความหนาวเหน็บของหิมะ วันแล้ววันเล่า คืนแล้วคืนเล่าโดยมีเจ้าหญิงของเขาเฝ้าดูอยู่ตลอดเวลา เธอเห็นหยาดน้ำตาของเขาพรูพรายเป็นสายจนกระทั่งในคืนที่ 99 ทหารหนุ่ม หยุดร้องไห้ หยุดรอคอย หยุดทุกอย่างไว้ แล้วหันหลังเดินจากไป เรื่องนี้ไม่มีตอนจบ แต่มีบางคำถาม บางคำตอบในใจ ความรักของเธอกับเขาอาจจะเหมือน "นาฬิกาทราย "เมื่อฝ่ายหนึ่งเริ่มหมดรักไปในใจอีกฝ่ายหนึ่งกลับรักขึ้นมาใหม่เต็มเปี่ยม แต่บางทีทหารหนุ่มอาจตั้งใจแค่แสดงให้เห็นว่าเขารักเธอจริงแท้แค่ไหน แค่พิสูจน์ให้เห็น แต่ไม่ต้องการ ครอบครองไว้ หรือบางทีเขาอาจเสียใจ ต้องตัดใจจากไปเพราะรักเขาถูกทำร้ายย่ำยี หรือบางทีเป็นเจ้าหญิงเองที่เสียใจ เพราะไม่เคยมีใครรักเธอได้อีกถึงเพียงนี้... ความรัก เป็นสิ่งที่ออกแบบไม่ได้ ความรัก เป็นเรื่องที่บังคับใจกันไม่ได้ ความรัก ที่บริสุทธิ์ คือ การให้... ให้โดยที่ไม่หวังว่าจะได้อะไรตอบแทน .........แต่ในความเป็นจริงแล้ว ผู้ที่ให้มักจะหวังอยู่ลึกๆ ที่จะได้ความรักเป็นสิ่งตอบแทน..เสมอ และเมื่อเค้าได้ ความรัก กลับมาแล้ว มีเพียงน้อยคนนักที่จะสามารถให้ในลักษณะนี้ได้ตลอดไป ความอดทนอยู่คู่กับความรักไม่ได้ แต่ความเข้าใจต่างหากที่ควรเคียงคู่กันไป ถูกต้องที่ "เวลา" เป็นสิ่งที่พิสูจน์ได้ทุกอย่าง โดยเฉพาะความรัก การประคองให้รักกันได้ตลอดไป เป็นสิ่งที่ยากกว่าการจะทำอย่างใรให้รักกัน เจ้าหญิงไม่ผิด และ ทหารผู้นี้ก็ไม่ผิด เพียงแต่เวลาของ ความรัก ของสองคนนี้... ไม่เท่ากันเท่านั้นเอง เราจะรู้ค่าของสิ่งของสิ่งหนึ่ง เมื่อเราได้รู้ว่า เรา... "ได้เสียมันไปแล้ว"

50 ข้อดีของคนไม่มีแฟน

1. มีเวลาทำอย่างอื่นนอกจากดูหนังคุยโทรศัพท์
2. มีเวลาอยู่กับเพื่อนมากขึ้น
3. กลับบ้านดึกก็ได้ไม่ต้องโทรรายงานใคร
4. ไม่ต้องทะเลาะกับใคร
5. ประหยัดค่าใช่จ่าย แบบว่าไม่ต้องไปเที่ยวไหน
6. ร้องเพลงคนไม่มีแฟนของพี่เบิร์ดได้อย่างสะใจ
7. ไม่ต้องคอยเอาใจคนอื่น
8. ไม่ต้องพบเพื่อนของแฟนที่เราไม่อยากรู้จัก
9. ไม่ต้องกลัวว่าใครจะมาแย่งแฟนเรา
10. มีคนคอยเป็นห่วงเยอะ (และคอยถามว่าทำไมไม่มีแฟน)
11. ไม่ต้องคอยหึงหวง

12. ไม่ต้องห่วงว่าเค้าจะสบายดีรึเปล่า
13. มีเวลาให้ตัวเองเต็มที่
14. ไม่ต้องฟังคำว่า “อนาคตของเรา ”
15. ไม่ต้องอกหัก(อันนี้สำคัญมาก)
16. ไม่ต้องกังวลว่าแต่ละวันใส่ชุดอะไรถึงจะถูกใจเขา
17. ไปหาเพื่อนแต่งตัวแบบไหนก็ได้
18. ไม่ต้องคอยเช็ค sms เผื่อว่าเขาส่งมาแล้ว ยังไม่ได้ส่งกลับ (เฮ้อ….เปลืองเงินปล่าวๆ)
19. อยากจีบใครก็ได้ไม่มีใครคอยตามประกบ
20. พ่อแม่จะรักเป็นพิเศษเพราะอยู่ติดบ้าน
21. ไม่ต้องเปลี่ยนตัวเองเพื่อเอาใจใคร
22. ไม่ต้องคิดมาก
23. มีทางเลือกให้กับชีวิตมากขึ้น
24. ………ไม่ต้องร้องไห้………….
25. ได้ทำตามใจตัวเองอย่างเป็นสุขไม่ต้องกังวลถึงใคร
26. คิดถึงคนหลายๆคนพร้อมกันได้
27. คิดถึงตัวเองมากขึ้น
28. ชินกับการอยู่บ้านเพราะไม่มีแฟนชวนเที่ยว
29. เล่นเน็ตได้นานสะใจ จะคุยกับใครก็ได้ไม่มีใครหวง
30. มีเวลาดูละครน้ำเน่ามากขึ้น
31. เข้าถึงพระธรรมได้ง่าย
32. ไม่ต้องคอยโทรศัพท์
33. ไม่ต้องเปลืองค่าโทรศัพท์โทรหา
34. จะเหล่ใครก็ไม่มีใครว่าเพราะยังไม่มีใครถูกใจ
35. ไม่ต้องคอยระแวงว่าคนที่เดินข้างๆจะเป็นใคร
36. จะทำอะไรก็ได้
37. ไม่โดนเพื่อนด่าว่า “ลืมเพื่อน”
38. คิดถึงใครก็ได้ที่อยากจะคิด
39. ไม่ต้องทำหล่อทั้งวันหรือโปะหน้าให้สวย
40. ไม่ตกปกปิดด้านชั่วของตัวเอง
41. ไม่ต้องดัดเสียงให้ดูมาดแมนหรือฟังดูน่ารัก
42. จะทำอะไรไม่ต้องเกรงใจแฟน
43. ใครจีบก็จีบไปเพราะเราไม่มีแฟน
44. ไม่ต้องเอาใจญาติพี่น้องแฟน
45. แต่ชอบที่จะอุ้มแฟนเข้าเรือนหอนะ
46. ร่างกายแข็งแรงเพราะเอาเวลาไปเล่นกีฬา
47. สามารถคุยกับเพศตรงข้ามได้โดยไม่รู้สึกผิดเพราะไม่มีแฟน
48. ไม่ต้องร้องเพลงอกหัก
49. ประหยัดน้ำตาไว้ร้องไห้เรื่องอื่น
50. ไม่ต้องคอยไปรับไปส่งใคร

ขอบคุณ...ที่ทิ้งกัน

ช่วงเวลาที่เสียใจ คนเรามักจะมองผ่านสิ่งสำคัญๆไปเสมอสังเกตไหม....
เวลาที่เราร้องไห้ ใครที่ซับน้ำตาให้ พร้อมกับพูดว่า"สักวันมันจะผ่านไปได้"
คนที่พูดคำนี้ กลับไปมองเขาดีๆ ว่าเขาเคยผ่านช่วงเหตุการณ์ที่เรากำลังเผชิญอยู่รึเปล่าอย่าคิด...แค่ว่า
คงไม่มีวันนั้น หรือ มันจะอีกนานแค่ไหนฟังไว้....เผื่อสักวันเราอาจได้ใช้มันกับใครซักคนที่เรารู้จัก
................................................................................
ถ้าไม่เคยถูกทิ้ง....เราคงไม่มีวันฟังเพลงอกหักได้ลึกซึ้งเลยซักเพลง
เมื่อไรที่ฟังแล้วร้องไห้ ดีใจเถอะว่า เราก็ยังมีหัวใจ คนที่ใช่ อาจไม่ใช่คนเดียวที่เราต้องใช้ชีวิตด้วยคนสุดท้าย อาจเป็นคนเดียวกับคนที่เราไม่เคยแม้แต่จะสนใจอะไรๆก็เกิดขึ้นได้ กับหัวใจขนาดเท่ากำปั้นของมนุษย์เดินดิน
ถ้าไม่เคยถูกทิ้ง...เราคงไม่มีวันเข้าใจ..ความรู้สึกของใครบางคนที่เราอาจจะหลงลืมไปบ้าง ว่าเคยทิ้งเขามาเช่นกันสัจธรรมชีวิต "ที่ใดมีรัก ที่นั่นมีทุกข์"ทุกคนย่อมเจอะเจอ ไม่มียกเว้นแม้ใครซักคนเดียวเมื่อวานอาจเป็นวันที่เจ็บหนักหนาสาหัสที่สุดเรายังผ่านมาได้
วันนี้เราจะผ่านไม่ได้เชียวหรือถ้าวันนั้นเราไม่โดนทิ้ง...เราคงไม่มีโอกาสได้เจอใครบางคนที่ดีกว่าเขาคนนั้นอาจรอเราอยู่....
ในวันข้างหน้าเมื่อไรที่เรา"ผ่านมันมาได้"ทุกอย่างจะกลายเป็นอดีต...กลายเป็นความทรงจำ แม้จะแลกด้วยน้ำตาแต่ก็ดีกว่า...ชีวิตที่ไม่เคยเจอะเจอะอะไรให้ต้องจำเลยให้ความเจ็บช้ำเป็นแรงผลักดันให้เราพัฒนาตัวเองต้องเปลี่ยนแปลงในทางที่ดีขึ้น.......
วันนั้นเราอาจจะหันกลับไปพูดกับเขาด้วยรอยยิ้มเลยว่า...........................
"ขอบคุณที่ทิ้งกัน"